ถ้าต้องการให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ คุณต้องมี Copywriter ฝีมือดีในคลัง เพราะอะไรคุณรู้ไหม? เพราะพวกเขาจะทำให้คุณมีคอนเทนต์โดน ๆ ที่เข้าใจง่าย ดึงดูดผู้อ่าน และอธิบายว่าคุณกำลังขายอะไร ซึ่งนี่เองคืองานเขียน Copy มืออาชีพที่คุณสามารถใช้ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาคุณ

ในช่วงที่คุณกำลังบริหารกิจการอยู่ แต่คุณก็ต้องคิดเรื่อง Copy หรืองานเขียนที่คุณต้องทำขึ้นมา แค่คิดก็มึนแล้วจริงไหม? นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการจ้าง Copywriter ฝีมือดีสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของคุณไปได้เยอะ คำถามคือคุณจะเข้าหา Copywriter เหล่านี้ได้อย่างไร? ก่อนอื่น คุณต้องรู้ว่าเป้าหมายทางธุรกิจของคุณคืออะไร คุณถึงจะรู้ว่า Copywriter แนวไหนที่เหมาะกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ

บทความนี้จะมาพูดถึงตัวอย่างเป้าหมายทางธุรกิจหลาย ๆ แบบ และ Copywriter ที่เหมาะกับงานประเภทนั้น พร้อมแล้วมาดูกันเลย

 

1. เมื่อคุณต้องการคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่ม Conversion

คุณเคยคิดหรือเปล่าว่างานเขียนหรือ Copy ที่อธิบายรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังขายอยู่บนเว็บไซต์นั้นมีความสำคัญอย่างไร และสำคัญขนาดไหน ถ้าไม่ คุณอาจกำลังพลาดโอกาสสร้างเงินก้อนโตที่คุณควรได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนโฆษณาบน Facebook Amazon eBay หรือหน้าเว็บไซต์ Copywriter มืออาชีพคือกุญแจสำคัญที่สามารถช่วยให้คุณสร้างยอดขายและมีกำไรเพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนเพียงแค่เปลี่ยนคำอธิบายผลิตภัณฑ์

Copywriter ที่เหมาะสำหรับงานนี้คือ Direct Response Copywriter หรือนักเขียนแบบตอบสนองทันที พวกเขาจะโฟกัสไปที่การพูดภาษาเดียวกับลูกค้าของคุณอย่างชาญฉลาด Copywriter แนวนี้เน้นคอนเทนต์ที่ดึงดูดสายตาผู้อ่าน และผู้อ่านเองก็จะไม่รู้สึกว่าถูกขายของอยู่ ถ้าคุณต้องการคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจที่โน้มน้าวให้ผู้อ่านซื้อโดยไม่รู้สึกว่า “ถูกขาย” อยู่ล่ะก็ Copywriter แบบตอบสนองทันทีคือตัวเลือกที่คุณควรพิจารณา พูดง่าย ๆ Copywriting แนวนี้คือการที่ทำให้ผู้อ่าน ๆ แล้วเกิดการตัดสินใจทันที (ในที่นี้คือซื้อผลิตภัณฑ์) นั่นเอง

 

2. เมื่อคุณต้องการให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณประทับใจกับการใช้งาน (User Experience)

User Experience คืออะไร? มันคือประสบการณ์โดยรวมและความประทับใจของผู้ใช้งานระหว่างเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือกำลังดูรายการสินค้าของคุณ ซึ่ง Copywriter ที่เหมาะสำหรับงานนี้คือ Copywriter แบบคอนเทนต์บนเว็บไซต์ (Website Content)

Copywriter แนวนี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดหากคุณโฟกัสไปที่ User Experience เพราะพวกเขามีความเป็นมืออาชีพด้านนี้โดยเฉพาะ พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าลูกค้าโต้ตอบกับเว็บไซต์อย่างไร รวมถึงวิธีที่ผู้เยี่ยมชมตอบสนองต่อคำพูดหรือข้อความบนเว็บไซต์ ซึ่งทำให้พวกเขารู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้เว็บไซต์ของคุณนำเสนอประสบการณ์การท่องเว็บไซต์ของคุณให้เป็นไปอย่างราบรื่น

 

3. เมื่อคุณกำลังสร้าง Sales Funnel

หากคุณต้องการระบบอัตโนมัติที่เปลี่ยนผู้เข้าชมบนเว็บไซต์ให้เป็นผู้ซื้อแล้วล่ะก็ คุณต้องใช้ Sales Funnel ในกรณีนี้ Copywriter ที่เหมาะกับงานที่สุดคือ Copywriter ที่เน้นการขาย

Copywriter แนวนี้เป็นสายงานเฉพาะทางสำหรับเป้าหมายทางธุกิจบางกลุ่ม เพราะพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานเขียน Copy ให้มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้พวกเขายังเขียนให้เกิดแรงจูงใจและดูน่าสนใจเพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่านตัดสินใจบางอย่าง เช่น ซื้อสินค้าหรือกดลิงก์ใน Sales Funnel เป็นต้น Copywriter แนวนี้ยังสามารถช่วยคุณวางแผนผัง Sales Funnel ธุรกิจของคุณตั้งแต่เริ่มจนถึงปิดการขายและสร้างคอนเทนต์คุณภาพด้วย โดยมีเป้าหมายคือการสร้างระบบอัตโนมัติที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านเกิดความต้องการในผลิตภัณฑ์ของคุณด้วยกระบวนการขายอย่างมีประสิทธิภาพ

 

4. เมื่อคุณต้องการให้มีคนติดตามโซเชียลมีเดียจำนวนมาก

คุณอยากมีคนติดตามโซเชียลมีเดียของคุณเยอะ ๆ ใช่ไหม? กำลังคิดว่าถ้าผู้ติดตามเยอะจะทำให้มีลูกค้ามากขึ้นหรือเปล่า? ถ้าใช่ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น Social Media Copywriter ตามชื่อ Copywriter ประเภทนี้จะมีความเชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ

ทุกคนสามารถโพสต์บนโซเชียลมีเดียได้ แต่ Copywriter มืออาชีพจะรู้ถึงขนาดว่าจะต้องเขียนอย่างไรบนแต่ละแพลตฟอร์มที่คุณต้องการสร้างฐานคนติดตาม พวกเขามีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในไอเดียของคอนเทนต์ไวรัล hashtags เด็ด ๆ และแคปชั่นโดน ๆ Copywriter เหล่านี้ใช้แนวคิดนี้สร้างงานเขียน Copy ขึ้นมาสำหรับผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย โดยมีจุดประสงค์ให้ผู้อ่านคลิกลิงก์ กดไลก์ หรือกดแชร์คอนเทนต์นั้น ๆ และมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณ

 

ข้อสังเกตเพิ่มเติมถ้าอยากได้ Copywriter ฝีมือดีมายกระดับธุรกิจของคุณ

หลายคนเรียกตัวเองว่า Copywriter มืออาชีพ แต่ยากที่จะรู้ว่าพวกเขามีทักษะและประสบการณ์พอที่จะตอบสนองความต้องการของคุณหรือเปล่า เพราะฉะนั้นก่อนที่จะจ้าง Copywriter มืออาชีพคนนั้น คุณควรพิจารณาคำถามต่อไปนี้เสียก่อน

 

1. มีตัวอย่างงานเขียน Copy หรือเปล่า?

ไม่ว่าจะเป็น Copy จากบล็อกส่วนตัวหรืองานจากลูกค้าและลิสต์รายชื่อลูกค้า ทั้งนี้เพื่อต้องการรู้ว่าพวกเขามีวิธีเขียนอย่างไรและเขียนเป็นหรือเปล่า

 

2. มีผลงานที่วัดผลได้ไหม?

Copywriter มืออาชีพควรจะมีผลงานและข้อมูลที่สามารถให้คุณไปตรวจสอบได้ เช่น Conversation Rate ของลูกค้าที่เคยส่งงานให้ Traffic เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นไหมหลังจากใช้งานเขียนนี้ และผู้ติดตามของโซเชียลมีเดียมีการเปลี่ยนแปลงไหมหลังจากได้ Copywriter มาร่วมงาน

 

3. ยอมตกลงเขียนโปรเจกต์เล็ก ๆ เพื่อทดสอบไหม?

เพื่อที่จะดูว่าพวกเขายอมให้คุณทดสอบงานเขียนก่อนหรือเปล่า แต่อย่าลืมเสนอค่าจ้างเขียน Copy ตัวอย่างหรือโปรเจกต์ เพราะอาจเป็นการยากที่จะหา Copywriter ฝีมือดีสักคนที่ยอมเขียนทดสอบแบบฟรี ๆ อย่างไรก็ตาม การของานเขียนตัวอย่างถือว่าเป็นเรื่องปกติและเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจว่าคุณควรจะเลือก Copywriter คนนี้หรือไม่

 

หมายเหตุ: อย่างไรก็ตาม ถ้า Copywriter เหล่านี้เขียนงานส่วนใหญ่ให้เอเจนซี หรือองค์กร พวกเขาอาจไม่สามารถให้คุณดูตัวอย่างผลงานจริงได้เพราะติดสัญญา NDA หรือ Non-Disclosure Agreement แต่แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีตัวอย่างหรือ Sample งานเขียนต่าง ๆ ที่เขียนเก็บไว้ให้ลูกค้าดูสไตล์งานเขียนแน่นอน

 

บทสรุป

ให้นึกถึงเป้าหมายที่ต้องการเป็นหลักเวลาต้องการจ้าง Copywriter สักคน และผลลัพธ์อะไรที่คุณต้องการจาก Copywriter มืออาชีพคนนั้น พอรู้ถึงเป้าหมายของคุณแล้ว มันจะช่วยคุณตัดสินใจได้ว่า Copywriter แนวไหนที่เหมาะกับงานในมือของคุณ ถ้าต้องการเพิ่มยอดขาย ให้พิจารณา Direct Response Copywriter ที่เน้นการตอบสนองทันทีหรือเน้นการขาย หากคุณต้องการขยายฐานผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย ให้คุณมองหา Social Media Copywriter ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณควรเช็กความน่าเชื่อถือของนักเขียนคน ๆ นั้นด้วยว่าผ่านการฝึกฝนมาแบบไหนและอย่าลืมขอตัวอย่างงานเขียนหรือให้เขียนงาน Copy ทดสอบ ก่อนที่จะยกโปรเจกต์สำคัญที่อาจชี้ชะตาความสำเร็จของคุณไปอยู่ในมือของ Copywriter ที่คุณกำลังพิจารณาอยู่