การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงหรือที่ทั่วโลกเรียกกันว่า Direct Response Marketing หลัก ๆ จะเกี่ยวกับการดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าให้เกิดการตัดสินใจเดี๋ยวนั้น สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลกอย่าง Amazon
ให้คุณพิจารณาประโยคต่อไปนี้ “คุณเป็นธุรกิจที่มีงบประมาณน้อยและพึ่งพายอดขายเป็นหลักเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป” ประโยคนี้เข้าค่ายกรณีของคุณหรือไม่ ถ้าใช่ ถึงเวลาที่คุณต้องใช้การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงกับธุรกิจของคุณ
แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่าอะไรทำให้การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงแตกต่างและมีประสิทธิภาพ
การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงคืออะไร?
การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงเป็นกลยุทธ์ที่ชักชวนให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าหรือผู้ที่สนใจทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันสามารถติดตามวัดผลได้ และผลลัพธ์บางทีใช้เวลาหลายวันหรือบางครั้งอาจแค่เป็นชั่วโมง
สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดการกระทำที่คุณต้องการให้ผู้ที่สนใจทำอย่างชัดเจน อาจเป็นการแชร์โพสต์ สมัครรับข่าวสาร หรือซื้อสินค้า มันไม่สำคัญว่าคุณจะให้พวกเขาทำการใด ๆ ตราบเท่าที่มันมีความชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ
แบรนด์ใหญ่ ๆ มักจะใช้จ่ายเงินหลักแสนถึงหลักล้านบาทไปกับแคมเปญการตลาดของตน
แต่โชคดีที่คุณสามารถใช้การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงเพื่อหาลูกค้าเข้ามาและเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องแข่งขันโดยตรงกับองค์กรใหญ่ ๆ เหล่านี้ เพราะสิ่งที่คุณต้องการคือการขับเคลื่อนให้เกิดการตัดสินใจเดี๋ยวนั้น
3 ช่องทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับการตลาดแบบตอบสนองโดยตรง
ไม่ใช่แค่การทำให้ผู้คนตัดสินใจทำอย่างเดียวที่สำคัญเท่านั้น แต่คุณควรใช้ช่องทางที่เหมาะสมเพื่อเข้าถึงตลาดเป้าหมายด้วยการตลาดแบบตอบสนองโดยตรงด้วย
ช่องสื่อสารส่วนบุคคล – Neil Patel กล่าวว่ามันเป็นหนึ่งในช่องทางชั้นนำที่มีอัตราการเปิดอ่านอยู่ที่ 80% และ CTR (Click Through Rate) อยู่ที่ 56% โดยเฉลี่ย คุณยังสามารถใช้ Chatbot เพื่อขยายขนาดธุรกิจของคุณได้อีกด้วย
โฆษณา Facebook – เป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยมในการเข้าถึงผู้ชมใหม่ ๆ และขยายธุรกิจของคุณ คุณสามารถสร้างลิสต์ที่ตรงเป้าหมายของผู้ชมของคุณได้ และคุณยังสามารถแบ่งกลุ่มผู้ชมตามสถานที่ตั้ง อายุ เพศ และความสนใจได้
จดหมาย – แม้จะล้าสมัยแต่ยังได้ผลในปัจจุบัน โดยอัตราการเปิดดูจะสูงกว่า 10 ถึง 30 เท่า เมื่อเทียบกับช่องทางดิจิทัลอย่างอีเมล
ตอนนี้คุณก็เข้าใจแล้วว่าการตลาดแบบตอบสนองโดยตรงคืออะไรและช่องทางยอดนิยมในการขยายธุรกิจขนาดเล็กของคุณ ต่อไปก็ถึงเวลาที่จะมาดู 5 เคล็ดลับที่จะช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงของคุณ
5 เคล็ดลับสำหรับการตลาดแบบตอบสนองโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพ
1. มี CTA (Call-To-Action) ที่ชัดเจน
วัตถุประสงค์ของการตลาดแบบตอบสนองโดยตรงคือการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจของผู้สนใจ ซึ่งนั่นคือหน้าที่ทั้งหมดของ CTA
ผู้สนใจเหล่านี้ไม่ต้องการเพิ่มความเครียดให้กับสมองของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ CTA ของคุณควรเป็นอะไรที่เรียบง่ายและชัดเจนสำหรับพวกเขา
CTA จะมีประสิทธิภาพเมื่อ:
- มีความง่าย – หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่มากเกินไปใน CTA ของคุณ
- มีเพียงหนึ่งเดียว – การมี CTA หลาย ๆ อันสามารถสร้างความสับสนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีแค่ที่เดียว อาจจะมีสองที่ตรงช่วงกลางและช่วงท้ายของคอนเทนต์ก็ได้ แต่มันต้องเป็น CTA ที่มีเป้าหมายเดียวกัน
- มีความเร่งด่วน – ผู้สนใจควรตัดสินใจดำเนินการทันทีที่อ่าน CTA ของคุณ
“คลิกเพื่อรับฟรี” ถือเป็นตัวอย่างที่ดี
2. เรียกใช้โฆษณา Facebook แบบตอบสนองโดยตรง
ด้วยโฆษณา Facebook คุณสามารถสร้างลิสต์ผู้ชมเป้าหมายของคุณได้ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถแบ่งย่อยกลุ่มผู้ชมตามสถานที่ตั้ง อายุ เพศ และความสนใจได้
97 เปอร์เซ็นต์ของนักการตลาดบนโซเชียลมีเดียใช้ Facebook เพื่อโฆษณาและ 70 เปอร์เซ็นต์ของพวกเขาบอกว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมาย
การกำหนดเป้าหมายควรทำอย่างชาญฉลาด ด้วยธุรกิจขนาดเล็ก คุณไม่ควรมาเสียเวลาอันมีค่าไปกับการวิเคราะห์หากลุ่มเป้าหมายด้วยตัวคุณเอง โดยคุณสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics หรือ Facebook Insights เพื่อช่วยคุณแทน
3. แบ่งกลุ่มและกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ชมที่สนใจ
การติดตามพฤติกรรมของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการตลาดแบบตอบสนองโดยตรง เพราะคุณจะขายได้ง่ายกว่ากับผู้ชมที่สนใจ อาทิเช่น ผู้ที่ติดต่อกับแบรนด์ของคุณอยู่แล้ว ผู้ที่รู้จักคุณ หรือผู้ที่เคยซื้อสินค้าของคุณ
โอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้ออีกหลังจากซื้อไปหนึ่งครั้งมีอยู่ 27 เปอร์เซ็นต์ และจากข้อมูลของ Luxury Institute LLC ระบุว่า หากลูกค้ากลับมาเป็นครั้งที่สองและสาม โอกาสในการซื้อจะเพิ่มขึ้นถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์
เหตุใดคุณจึงไม่ควรใช้ข้อความเดียวกันเมื่อพวกเขาไม่รู้จักคุณ? นั่นก็เพราะลูกค้าแต่ละคนแตกต่างกัน การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงนั้นมีประสิทธิภาพเมื่อมีการกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มเฉพาะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ
- ด้านภูมิศาสตร์ – ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่สนใจ
- ด้านลักษณะ – ขึ้นอยู่กับตัวแปรอย่าง เพศ อายุ เชื้อชาติ ฯลฯ
- ด้านพฤติกรรม – ขึ้นอยู่กับการกระทำและความสนใจ
- ด้านสถานะ – ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชมอยู่ที่ไหนใน Funnel ของคุณ
ยกตัวอย่างเช่น CTA ที่จุดเริ่มต้นของ Funnel ของคุณอาจเป็น “อ่านโพสต์ของเรา” จากนั้นให้เป็น “สมัครรับข่าวสารของเรา” หรือ “ทดลองใช้” ก่อนที่จะไปเป็น “ซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา”
4. ใช้การส่งจดหมายโดยตรง
ในยุคดิจิทัลนี้ มันเป็นเรื่องปกติที่นักการตลาดจะโฟกัสเฉพาะสื่อดิจิทัล โซเชียลมีเดีย อีเมล โฆษณาบนจอแสดงผล
แต่การใช้จดหมายแบบสมัยก่อนก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการตลาดแบบตอบสนองโดยตรง
Direct Marketing Association (DMA) รายงานว่า ผู้ใหญ่กว่า 100 ล้านคนในสหรัฐฯ ซื้อแคตตาล็อกในปี 2016 และข้อความในจดหมายระบุส่วนตัวสร้างอัตราการเปิดอ่านอยู่ที่ 17.6 เปอร์เซ็นต์
โปสการ์ด ใบปลิว และแคตตาล็อกเป็นตัวอย่างในชีวิตประจำวันของการส่งจดหมายโดยตรง มีเครื่องมือช่วยเหลือทั้งราคาถูกหรือฟรีอยู่มากมายอย่าง Canva’s Postcard Maker ที่เสนอเทมเพลตที่ปรับแต่งได้หลากหลายแบบสำหรับทำโปสการ์ด
แล้วถ้าคุณมีธุรกิจออนไลน์ล่ะ? ยกตัวอย่างเช่น บริษัท RCI Financial Services ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเงินกับบริษัทรถยนต์ Renault, Nissan และ Dacia ใช้จดหมายโดยตรงนี้เพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจทางออนไลน์ คุณอ่านไม่ผิดหรอก ใช้จดหมายโดยตรงแบบล้าสมัยในการสร้างผลลัพธ์ทางออนไลน์
RCI Financial Services ได้จัดทำแคมเปญจดหมายโดยตรงเพื่อชักชวนลูกค้าปัจจุบันให้ลงทะเบียนในพอร์ทัลออนไลน์
พวกเขาส่งโบรชัวร์สี่หน้าไปยังลูกค้า RCI Financial กว่า 70,000 ราย ในโบรชัวร์ได้อธิบายถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับหากลงทะเบียนบัญชีออนไลน์
ผลก็คือ มีอัตรา Conversion อยู่ที่ 9.67 เปอร์เซ็นต์ด้วยการใช้จดหมายโดยตรง ซึ่งดีกว่า CTR ของอีเมลโดยเฉลี่ยเสียอีก
5. ขยายฐานลูกค้าด้วยระบบแนะนำลูกค้า
การอ้างอิงหรือแนะนำลูกค้าเป็นเครื่องมือทางการตลาดแบบตอบสนองโดยตรงที่มีประสิทธิภาพ ผู้คนชอบพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ดี ๆ กับธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของคุณ แต่บางครั้งลูกค้าก็ต้องการแรงผลักดันบ้างเล็กน้อย
ข้อมูลอ้างอิงจาก Invesp ระบุว่า โดยเฉลี่ยธุรกิจขนาดเล็ก ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจมาจากการแนะนำลูกค้า และที่ 82 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจขนาดเล็กบอกว่าการอ้างอิงหรือแนะนำลูกค้าเป็นแหล่งสำคัญของการได้ธุรกิจใหม่เข้ามา
แคมเปญอ้างอิงหรือแนะนำลูกค้าได้รับการรับรองว่าเป็นการตลาดเฉพาะบุคคล เพราะผู้คนจะแนะนำสินค้าหรือบริการของคุณให้กับคนรู้จักหรือเพื่อน ๆ
การแนะนำลูกค้าสามารถใช้เป็นช่องทางประหยัดเงินในกระเป๋าของลูกค้าของคุณได้ แคมเปญอย่าง “แนะนำเพื่อนและรับส่วนลด 100 บาท ในการซื้อครั้งถัดต่อไป” ก็เป็นที่นิยมในหมู่ร้านค้าออนไลน์
บทสรุป
การสร้างภาพลักษณ์ต้องใช้เวลา หลาย ๆ รายอาจใช้เวลาเป็นปี ๆ แต่ธุรกิจขนาดเล็กส่วนมากไม่สามารถที่จะรอจนกว่าแบรนด์ของตนจะเป็นที่รู้จักเพื่อเริ่มสร้างรายได้ได้
การตลาดแบบตอบสนองโดยตรงจึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในการมีส่วนร่วมกับผู้ที่สนใจและกระตุ้นให้ตัดสินใจทันที
คุณกำลังต้องการเพิ่มอัตรา Conversion อยู่หรือไม่? นำ 5 เคล็ดลับข้างต้นไปใช้ด้วยความช่วยเหลือจาก Copywriter คุณจะได้อัตรา Conversion ที่คุณกำลังมองหา แต่ถ้าคุณต้องการ ROI ที่มั่นคง คุณควรพิจารณาจ้าง Copywriter ที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดแบบตอบสนองโดยตรง ติดต่อเราวันนี้เพื่อปรึกษากับ Copywriter แบบตอบสนองโดยตรงมืออาชีพ