บริษัทของคุณสามารถได้รับประโยชน์จากการปรับเปลี่ยน SEO อย่างไม่ต้องสงสัย นั่นคือสิ่งที่นักเขียน SEO คอนเทนต์มืออาชีพหรือ SEO Copywriter สามารถช่วยคุณให้ไปถึงจุดนั้นได้ การจัดอันดับการค้นหาของคุณจากเครื่องมือค้นหาอย่าง Google เกี่ยวเนื่องกับวิธีที่ Google จัดอันดับบล็อกคอนเทนต์ของคุณ
คอนเทนต์คือที่สุดของที่สุด และนักเขียนที่เขียนงานเป็นมิตรกับ SEO ก็จะยืนอยู่เหนือนักเขียนคนอื่น ๆ ในแง่ของการเขียนโพสต์บล็อกคอนเทนต์
การจ้างมืออาชีพที่รู้วิธีเขียนโพสต์บล็อกที่เป็นมิตรกับ SEO และ Copy แบบ SEO สำหรับเว็บไซต์ของคุณจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทของคุณอย่างมาก
นักเขียน SEO คอนเทนต์มักจะชาร์จเงินมากกว่านักเขียนอิสระทั่วไป แต่ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนที่มากกว่า เพราะนักเขียน SEO คอนเทนต์รู้วิธีเขียนบล็อกที่เป็นมิตรกับ SEO นั่นเอง
การเขียนบล็อกที่ดีต้องอาศัยฝีมือ ทักษะการเขียนต้องถึง ซึ่งนักเขียน SEO คอนเทนต์มีสิ่งเหล่านี้ติดตัวอยู่และพวกเขายังมีทักษะและแนวทางการใช้ SEO เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ตัวอย่างเช่น พวกเขาเข้าใจว่าจะต้องใช้คีย์เวิร์ดเป้าหมายกี่ครั้งในหนึ่งบทความ การใช้คีย์เวิร์ดที่น้อยเกินไปจะส่งผลให้ SEO ออกมาไม่ดี ในทางกลับกัน หากมีการใช้คีย์เวิร์ดมากเกินไปก็สามารถส่งผลให้ Google แบนคุณออกจากผลการค้นหาได้ หรือที่เรียกว่า การใช้คีย์เวิร์ดซ้ำซ้อน (Keyword Stuffing)
นักเขียน SEO คอนเทนต์มืออาชีพเข้าใจอีกด้วยว่าความสามารถในการอ่านมีผลต่อ SEO เช่นกัน ความสามารถในการอ่านในที่นี้ประกอบไปด้วยความยาวประโยคโดยเฉลี่ยของคอนเทนต์ การกระจายของหัวข้อย่อย ความยาวของแต่ละย่อหน้า และจำนวนคำที่ใช้ในการต่อประโยค
บทความนี้จะมานำเสนอ 8 กลยุทธ์ที่นักเขียน SEO คอนเทนต์มืออาชีพใช้ในการเขียนโพสต์บล็อกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ SEO
1. กระจายคีย์เวิร์ดเป้าหมายอย่างลงตัว
นักเขียน SEO คอนเทนต์มืออาชีพทำให้คุณมั่นใจว่าบล็อกที่โพสต์ไปนั้นจะเป็นมิตรกับ SEO โดยที่คุณไม่มีอะไรต้องกังวล พวกเขาจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าคีย์เวิร์ดเป้าหมายอยู่ในชื่อบทความ ประโยคแรก อย่างน้อยหนึ่งในหัวเรื่องย่อย และมีอยู่ในเนื้อหาบทความเพียงพอที่จะจัดอันดับได้
นักเขียน SEO คอนเทนต์มืออาชีพอาจมีทริก เทคนิกหรือความลับอื่น ๆ อีกมากมายที่พวกเขาไม่ได้โชว์ให้ลูกค้าดู แต่ให้เข้าใจว่าเทคนิกลับบางอย่างนั้นมีไว้ให้กับลูกค้าประจำของพวกเขาเอง ตัวอย่างเช่น คุณรู้หรือไม่ว่ายังมีวิธีเฉพาะที่ไว้ใช้อัปโหลดรูปภาพที่เป็นมิตรกับ SEO ด้วย? หากคุณทำงานร่วมกับนักเขียน SEO คอนเทนต์หรือ SEO Copywriter คุณจะได้เรียนรู้หลายอย่างที่สามารถปรับเปลี่ยน SEO โดยรวมของบริษัทของคุณได้
2. การค้นคว้าคีย์เวิร์ด
เราได้พูดถึงว่านักเขียน SEO คอนเทนต์จะวางคีย์เวิร์ดเป้าหมายของคุณอย่างถูกวิธีได้อย่างไรทั่วทั้งบทความ อย่างไรก็ตามมันจะไม่มีความหมายเลยถ้าหากพวกเขาไม่ได้ค้นคว้าคีย์เวิร์ดนั้นก่อน
นักเขียน SEO คอนเทนต์หรือ SEO Copywriter จะรู้วิธีการค้นคว้าวิจัยคีย์เวิร์ดและเลือกคีย์เวิร์ดที่พวกเขาต้องการใช้อย่างระมัดระวังใน Copy ก่อนที่จะเริ่มเขียน การค้นคว้าคีย์เวิร์ดส่วนใหญ่คือการทำให้มั่นใจว่าคีย์เวิร์ดหรือวลีเป้าหมายนั้นถูกค้นหาบ่อย ๆ ใน Google แล้วสร้างคอนเทนต์ให้ครอบคลุมคีย์เวิร์ดนั้น โดยเป้าหมายคือการครอบครองคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ดังนั้นเมื่อผู้คนค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นพวกเขาก็จะพบธุรกิจของคุณ
การค้นคว้าวิจัยคีย์เวิร์ดจะใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางเพื่อค้นหากลยุทธ์และดูว่าคีย์เวิร์ดนี้คุ้มค่ากับการนำไปสร้างเนื้อหาครอบหรือไม่
3. มีโครงสร้างบทนำและหัวข้อย่อย
หลายคนชอบบล็อกที่มีโครงสร้างเป็นระเบียบ อ่านง่าย ไม่สับสน เครื่องมือค้นหาก็เช่นกัน บทนำควรมีประมาณ 200 – 300 คำ และควรมีอย่างน้อย 3 หัวข้อย่อยที่มีการจัดรูปแบบ H2 (หัวเรื่อง 2) อย่างเหมาะสม หัวข้อย่อยควรมีความยาว 150 – 300 คำ หลายคนมีคำถามว่า ถ้าเกิดหัวข้อย่อยมีมากกว่า 300 คำล่ะ นักเขียนคอนเทนต์ SEO มืออาชีพจะแก้ปัญหานี้อย่างไร? คำตอบคือพวกเขาก็แค่แทรกหัวข้อย่อยอื่นเพิ่มเข้าไปแทน
4. ความสามารถในการอ่าน
ความสามารถในการอ่านมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ซึ่งในที่นี้หมายถึงการใช้ประโยคสั้น ๆ ถูกหลักไวยากรณ์ ไม่ซับซ้อน นักเขียนคอนเทนต์ SEO รู้ว่าแต่ละประโยคไม่ควรเขียนเกิน 20 คำ และหนึ่งย่อหน้าก็ไม่ควรเขียนยาวเกินไป ซึ่งมันทำให้ง่ายต่อการอ่านบล็อกมากขึ้นถ้าแต่ละย่อหน้ามีความยาวเพียงไม่กี่ประโยค
ในเนื้อหาควรมีการใช้คำเชื่อมบ่อยครั้งพอ ๆ กับการใช้ประโยคในรูปแบบประธานเป็นผู้กระทำ (Active Voice) แทนที่จะเป็นประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (Passive Voice) และจำกัดการใช้คำยากบ่อย ๆ ในเนื้อหา หากคุณจำเป็นต้องใช้คำยาก ๆ คุณควรกระจายมันออกไปเพื่อไม่ให้คำยาก ๆ อยู่กระจุกเดียวกัน ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดจะปรับปรุงคะแนนความสามารถในการอ่านโดยรวมของเนื้อหาของคุณได้
5. ใช้หัวเรื่อง SEO
ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงโครงสร้างหัวข้อย่อย แต่อีกสิ่งสำคัญคือการสร้างหัวข้อย่อยที่เป็นมิตรกับ SEO สิ่งนี้มักจะเกี่ยวข้องกับการใช้คีย์เวิร์ดเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดเป้าหมายของคุณในหัวข้อย่อย นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการใช้คีย์เวิร์ดเป้าหมายอย่างน้อยหนึ่งหัวข้อย่อยด้วย
หัวข้อย่อยของคุณช่วยให้ Google เข้าใจว่าประเด็นหลักของเนื้อหาของคุณคืออะไร ซึ่งจะช่วยในเรื่องการจัดอันดับการค้นหาของคุณใน Google หลายคนคิดว่าหัวข้อย่อยมีไว้เพื่อความสะดวกในการอ่านและประสบการณ์ของผู้อ่าน แต่จริง ๆ แล้วมันยังช่วยเพิ่ม SEO ของคุณอีกด้วย
6. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จำนวนคำ
คุณรู้หรือไม่ว่า Google ชอบบทความยาว ๆ? แนะนำให้จำง่าย ๆ ว่าคุณควรเขียนบล็อกอย่างน้อย 800 คำ ถ้าหากคุณกำลังจ่ายงานเขียนโพสต์บล็อกให้กับนักเขียน คุณต้องแจ้งให้พวกเขารู้ว่าคุณอยากได้บล็อกให้มีจำนวนคำอยู่ที่ 800 – 1200 คำสำหรับโพสต์ปกติและสูงสุดที่ 2,500 คำสำหรับโพสต์ยาว
ยิ่งบทความยาวมากเท่าไรคุณก็สามารถใช้คีย์เวิร์ดหรือวลีเป้าหมายได้มากเท่านั้นโดยที่ไม่ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นการใช้คีย์เวิร์ดซ้ำซ้อนจาก Google
นักเขียนคอนเทนต์ SEO มืออาชีพจะรู้ว่าสามารถใช้คีย์เวิร์ดได้กี่ครั้งและจำนวนนี้จะแตกต่างกันไปตามความยาวของแต่ละบทความ
7. ใช้ลิงก์ทั้งภายในและภายนอกเว็บไซต์
การจัดอันดับการค้นหาของ Google ของคุณจะได้รับประโยชน์จากลิงก์ภายในด้วย หมายความว่าถ้าก่อนหน้านี้คุณโพสต์บล็อกในหัวข้อที่คล้ายกัน คุณจะมีโอกาสเชื่อมโยงลิงก์ไปยังโพสต์บล็อกเก่าภายในโพสต์บล็อกใหม่ของคุณ นี่คือความหมายของลิงก์ภายในเมื่อคุณลิงก์คอนเทนต์ที่เคยเผยแพร่บนเว็บไซต์ของคุณ จำนวนลิงก์ภายในที่ดีที่จะใช้ต่อโพสต์อยู่ที่ประมาณ 2 – 3 ลิงก์ นอกจากนี้คุณควรมีลิงก์ภายนอกอย่างน้อยหนึ่งลิงก์ซึ่งเป็นที่ ๆ เชื่อมไปยังแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้สูง และพยายามหลีกเลี่ยงการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำในคอนเทนต์ของคุณด้วย
8. มีเนื้อหาน่าแชร์ น่ามีส่วนร่วม
เป็นเรื่องที่ดีสำหรับ SEO ของคุณหากสื่อที่มีความน่าเชื่อถือสูงมีการแชร์และเชื่อมโยงไปยังคอนเทนต์ของคุณ หากคอนเทนต์ของคุณมีคุณค่าและควรค่าแก่การแบ่งปันได้ คุณอาจได้ลิงก์ที่เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นที่เป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสูง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนักเขียนคอนเทนต์ SEO เข้าใจถึงความสำคัญของการเขียนเนื้อหาที่มีส่วนร่วม กระตุ้นความคิด และแบ่งปันได้ สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้โดยการนำเสนอหนทางการแก้ปัญหาทั้งทั่วไปและเฉพาะเจาะจง การใช้เนื้อหากระตุ้นอารมณ์ เรื่องราวกระตุ้นความคิด และเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวอย่างในการเขียนเนื้อหาที่ควรค่าแก่การแบ่งปัน
หากคุณต้องการความช่วยเหลือด้านการเขียนคอนเทนต์ SEO คุณสามารถจองและปรึกษากับเราวันนี้กับนักเขียนคอนเทนต์ SEO มืออาชีพหรือ SEO Copywriter เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ให้เป็นประโยชน์กับการเติบโตของบริษัทของคุณ