ที่นี่มีคำตอบ คุณควรอัปค่าจ้าง Copywriter อิสระเมื่อไร

อัตราจ้าง Copywriter อิสระแต่ละคนไม่เท่ากันและการพูดคุยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจทำให้อึดอัดกันได้ทั้งสองฝ่าย บางครั้งอาจเกิดความไม่เข้าใจความคิดของกันและกันระหว่างมูลค่าที่คุณมอง Copywriter (ค่าจ้าง) กับคุณค่าที่คุณจะได้รับจากผลลัพธ์ของ Copywriter ที่คุณจ้าง กรณีเช่นนี้ มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงกันเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ก่อน

อัตราจ้าง Copywriter อิสระมักจะต่อรองได้เสมอ หรือคุณสามารถใช้ผู้ให้บริการ Copywriting ออนไลน์ที่มีอัตรามาตรฐาน หากคุณทำงานกับ Copywriter อิสระ คุณอาจต้องเพิ่มค่าจ้างเมื่อคุณเพิ่มภาระงานให้กับพวกเขา ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นภาระงานก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรเจรจาล่วงหน้าเช่นกัน

นอกเหนือจากการเจรจาก่อนเริ่มงานแล้ว คุณจะสามารถเพิ่มค่าจ้างสำหรับ Copywriter ที่ทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม คำถามคือ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเวลาใดคือเวลาที่เหมาะสม? ตามมาดูสถานการณ์ต่อไปนี้ที่ควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดขณะทำการพิจารณาอัปค่าจ้าง

 

1. เมื่อมีปริมาณงานเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด 

การเพิ่มปริมาณงานให้กับ Copywriter ของคุณมักจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกแน่นอนว่าคุณอาจต้องอัปค่าจ้างเพิ่มด้วยเช่นกัน โดยสัญชาตญาณแล้ว มันง่ายที่จะคิดว่ามูลค่างานของพวกเขานั้นเท่าเดิมหรือลดลงหากเทียบกับค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งความคิดเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดความไม่พอใจและยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาได้

ในทางกลับกัน เมื่อมีปริมาณงานเพิ่มขึ้น ให้คุณพิจารณาในมุมกลับว่าความยากในแต่ละงานจะเพิ่มขึ้นมากสักแค่ไหนที่จะส่งมอบงานตามกำหนดโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ ในขณะที่คุณอาจจะไม่อัปค่าจ้างเพิ่มในการต่ออายุสัญญาทุกครั้ง แต่คุณควรพิจารณาว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณงานนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรกับ Copywriter ของคุณ

 

2. เมื่อขอบเขตความรับผิดชอบเปลี่ยน

บางครั้งปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มาในรูปแบบของการเขียน Copy เพิ่มขึ้นเสมอไป บ่อยครั้งเมื่อ Copywriter และผู้จ้างเริ่มทำงานสอดคล้องกัน แต่การกำกับดูแลในฝั่งผู้จ้างกลับลดลง ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึงการให้คำแนะนำน้อยลง แต่ในโลกของการเขียน Copywriting แล้วมันหมายถึงทิศทาง เป้าหมาย หรือทรัพยากร อย่างข้อสรุปและรายละเอียดของโปรเจกต์นั้น ๆ จะกลายเป็นแบบปลายเปิด หรือกล่าวง่าย ๆ คือไม่มีทิศทางแน่นอน

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นข้อบ่งชี้ถึงความไว้วางใจของผู้จ้าง แต่มันได้ขยายขอบเขตความรับผิดชอบของ Copywriter ออกไป ดังนั้นงานที่ถูกมอบหมายไปจะมีความยากมากขึ้นหลายเท่าในการทำให้แต่ละงานประสบความสำเร็จ ซึ่งงานที่เพิ่มเติมนี้จะหมายถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของ Copywriter ด้วย ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่คุณสามารถพิจารณาอัปค่าจ้างเพิ่มของ Copywriter อิสระได้

ทั้งนี้อยากให้คุณลองให้คุณลองมองในมุมมองของ Copywriter และเข้าใจพวกเขาว่าด้วยโปรเจกต์ปลายเปิดที่คุณมอบหมายไปนั้น มันจะสามารถสร้างภาระงานเพิ่มขึ้นและกินพลังงานสมองมากขึ้นเพียงใด ดังนั้นหากพวกเขาได้รับความไว้วางใจจากคุณ คุณสามารถประหยัดเวลาอันมีค่าของคุณโดยการชี้นำพวกเขาน้อยลง แต่ก็ควรแลกมาด้วยการอัปค่าจ้างเพิ่มให้กับพวกเขาแทน มันจะดีกว่าไหมหากคุณสามารถเอาเวลาชี้นำนั้นไปทำในสิ่งที่คุณถนัดและสร้างมูลค่าหรือโปรเจกต์ใหม่ ๆ ขึ้นมาแทน? 

 

3. เมื่อการจ้าง Copywriter ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของคุณเพิ่มขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นฐานผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น จำนวนยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือกระทั่งมีลูกค้าที่มีโปรไฟล์สูง ๆ มากขึ้น บางทีเวลาที่คุ้มค่าที่สุดในการพิจารณาอัปค่าจ้างเพิ่มของ Copywriter คือเมื่อมีรายรับที่เกี่ยวข้องกับผลงานของพวกเขาโดยตรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคุณเทียบสิ่งที่คุณได้รับกับสิ่งที่จ่ายไปนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณจ้าง Copywriter ให้เขียนแคมเปญโฆษณาชิ้นหนึ่งในราคาสองหมื่นบาท แต่กลับกลายเป็นว่าแคมเปญนั้นสามารถสร้างยอดขายให้คุณได้หลักล้านในสามเดือน คำถามคือ คุณยังอยากจ้าง Copywriter คนนั้นต่อไหม? แน่นอนว่าไม่มีใครที่อยากปล่อย Copywriter คนนี้ไป ดังนั้นการคิดเทียบผลลัพธ์ที่ได้กับการจ้าง Copywriter จะช่วยให้คุณชั่งน้ำหนักและมีข้อเสนออย่างเป็นธรรมและตรงไปตรงมาเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายพอใจกับข้อตกลงใหม่

นอกจากนี้อัตราส่วนผลลัพธ์ต่อรายได้นั้นไม่ได้เป็นเพียงวิธีคิดวิธีเดียวที่สามารถชดเชย Copywriter ของคุณเสมอไป อีกหนึ่งวิธีที่สามารถนำมาคิดในการอัปค่าจ้างเพิ่มได้คือความสามารถในการเปลี่ยนคอนเทนต์ของ Copy จากไม่ปังให้สร้างผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จออกมาได้

 

4. เพื่อให้ได้ความจงรักภักดีจาก Copywriter ที่เป็นที่นิยมหรือมีชื่อเสียง

คุณมี Copywriter ที่สร้างผลงานให้คุณจนคุณไม่อยากปล่อยเขาหรือเธอคนนั้นไปไหนไหม? ถ้ามี คุณอาจต้องพิจารณาอัปค่าจ้างเพิ่มพวกเขาเพื่อให้พวกเขาอยู่ต่อ การเพิ่มอัตราจ้าง Copywriter อิสระมักจะเกิดขึ้นจากการที่ลูกค้าต้องการได้รับความจงรักภักดีของ Copywriter เหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้เนื่องจากมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะหา Copywriter ดี ๆ สักคนมาร่วมงานด้วย

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควรทุ่มสุดตัวเพื่อรักษา Copywriter คนนั้นไว้ สิ่งสำคัญคือคุณต้องแน่ใจว่าคุณพิจารณาถึงมูลค่าอะไรที่จะได้รับจาก Copywriter คนนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทักษะการเขียนของคุณไม่ดี หากคุณพบนักเขียนหรือผู้ให้บริการที่สามารถสร้างและแสดงวิสัยทัศน์ของคุณได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ การรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีกับพวกเขานั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ จริงไหม? และทางที่ดีที่สุดคือการพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่พวกเขาต้องการ

 

5. เมื่อคุณต้องการต่ออายุสัญญา

โดยปกติแล้ว Copywriter อิสระมักจะไม่ได้มีผู้จ้างเพียงคนเดียว ทำให้การลงรายละเอียดเกี่ยวกับการเพิ่มอัตราจ้างในสัญญาต่ออายุจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับงานที่พวกเขาทำ หลังจากที่สัญญาสิ้นสุดลง ผู้จ้างที่จ่ายค่าจ้าง Copywriter ต่ำจะมีความเสี่ยงที่พวกเขาจะไม่อยากร่วมงานต่อ ไม่เพียงแต่คุณจะเสียนักเขียนที่มีความสามารถไป แต่ยังอาจเสียโอกาสที่จะทำธุรกิจกับพวกเขาในอนาคตอีกด้วย

 

บทสรุป

อัตราจ้าง Copywriter อิสระควรเป็นไปตามคุณค่าที่คุณจะได้รับ หาก Copywriter เขียน Copy โฆษณาให้คุณและคุณสังเกตเห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า คุณจะเข้าใจในทันทีว่าทำไมค่าจ้างพวกเขาถึงสูงนัก ดังนั้นให้คุณคิดอยู่เสมอว่า Copywriter ที่มีฝีมือนั้นไม่ได้หาพบได้ง่าย ๆ หากคุณยังหาไม่เจอ คุณสามารถปรึกษาเราวันนี้เพื่อค้นหา Copywriter มืออาชีพที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ