สร้างบัญชีโฆษณา Facebook อย่างไรให้ประสบความสําเร็จ

คุณเคยมีประสบการณ์บัญชีโฆษณา Facebook ของคุณถูกแบนหรือไม่? คุณกำลังกังวลว่าบัญชีโฆษณาจะถูกสั่งปิดเหมือนบัญชีคนอื่น ๆ หรือไม่?

ด้วยผู้ใช้มากกว่า 2.4 พันล้านคน Facebook ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการทำโฆษณาและพลาดไม่ได้เลยหากคุณกำลังต้องการที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและขยายธุรกิจของคุณ 

แต่ประเด็นคือ Facebook สามารถแบนบัญชีของคุณและสั่งปิดเพจของคุณได้ทุกเมื่อหากคุณไม่ได้เล่นตามกฎของพวกเขา

อย่าเพิ่งตกใจไป Facebook แบนบัญชีอยู่เป็นปกติทุกวัน แนวทางและกฎจำนวนมากได้ถูกตั้งไว้อย่างเคร่งครัด ซึ่งถ้าหากผิดกฎอาจส่งผลให้มีการแบนอัตโนมัติ ในส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับเพจ Facebook นโยบายกลุ่มและกิจกรรม และคู่มือโฆษณาของ Facebook คุณอาจคิดว่ามันดูค่อนข้างซับซ้อนและสับสนวุ่นวาย แต่คุณไม่สามารถเพิกเฉยต่อนโยบายเหล่านี้ได้

อัลกอริทึมของ Facebook อยู่ในช่วงกำลังพัฒนาอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่สิ่งที่ Facebook ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ คือประสบการณ์ดี ๆ ที่จะได้รับของผู้ใช้งานที่จะทำให้พวกเขาใช้งาน Facebook ต่อไป

หากบัญชีของคุณถูกแบน คุณจะรู้ว่าการขอบัญชีโฆษณา Facebook ที่ถูกแบนกลับมานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ฉะนั้นจะดีกว่าไหมที่จะหลีกเลี่ยงให้บัญชีถูกแบนตั้งแต่แรก

การที่บัญชีคุณถูกแบนนั้นเหมือนกับคุณมีรถ Ferrari อยู่ในโรงรถแต่ปัญหาคือคุณเอาออกมาขับไม่ได้เพราะถูกล็อกล้อด้วยโซ่อยู่ 

บทความนี้จะมาโฟกัสเน้น ๆ เรื่องการสร้างบัญชีโฆษณา Facebook ของคุณให้อยู่รอดและประสบความสำเร็จ พร้อมกับแนะนำเคล็ดลับในการเล่นตามกฎและป้องกันไม่ให้บัญชีโฆษณาของคุณโดนแบน

ไม่ว่าคุณกำลังรันโฆษณาสำหรับธุรกิจของคุณเองหรือสำหรับลูกค้าของคุณ เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยคุณได้หมด

ต่อไปนี้เป็น 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่คุณต้องทำก่อนสร้างโฆษณา Facebook ของคุณ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ไม่เพียงแค่เกี่ยวกับวิธีการเขียนโฆษณาและสอดคล้องกับ Copy ของคุณ แต่มันยังเกี่ยวกับขั้นตอนอื่น ๆ ที่อยู่ก่อนหน้านั้นด้วย

 

1. สร้างบัญชีโฆษณา Facebook ในบัญชี Business Manager

ขั้นตอนแรกคือคุณต้องมีบัญชีจัดการธุรกิจ (Business Manager) และให้สร้างโฆษณาของคุณจากที่นั่น

การใช้บัญชีจัดการโฆษณา Facebook ธรรมดาจากบัญชีส่วนตัวของคุณเองเป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อย หลายคนไม่ทราบว่าเมื่อใช้บัญชีจัดการธุรกิจในการสร้างโฆษณา โอกาสที่บัญชีของคุณจะถูกแบนจะลดน้อยลง

ในการสร้างบัญชีจัดการธุรกิจของ Facebook นั้นคุณต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Facebook ส่วนตัวของคุณและไปที่ https://business.facebook.com/

ซึ่งนี่เป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการยืนยันตัวตนของคุณ

คุณสามารถตรวจสอบศูนย์ช่วยเหลือสำหรับธุรกิจบน Facebook ในการหาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสร้างหรือตั้งค่าบัญชีของคุณ

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้ฟังก์ชันจัดการธุรกิจของ Facebook คือความสามารถในการจัดการโฆษณาจากแผงควบคุมส่วนกลาง และประโยชน์อื่น ๆ ได้แก่ รายงานผลธุรกิจ ความยืดหยุ่นในการใช้งาน การแบ่งข้อมูลในทีม และการทำงานร่วมกัน

 

2. สร้างบัญชีโฆษณาหลายบัญชีเพื่อเก็บสำรองไว้

ภายในฟังก์ชันจัดการธุรกิจ คุณควรจะต้องสร้างบัญชีโฆษณา Facebook ไว้หลายบัญชี โดยปกติ Facebook จะจำกัดการสร้างบัญชีโฆษณาไว้ที่ 2-5 บัญชี

สงสัยไหมว่าทำไมถึงต้องมีหลายบัญชี?

เพราะคุณต้องมีบัญชีสำรองเก็บไว้ ถ้าหาก Facebook แบนหนึ่งในบัญชีของคุณไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม คุณจะสามารถใช้งานอีกบัญชีได้เลยทันที เพราะมันสามารถแชร์แคมเปญโฆษณาไปอีกบัญชีหนึ่งได้

คุณเห็นไหมว่าการที่ Facebook แบนบัญชีโฆษณาของคุณมันจะก่อให้เกิดความลำบากและปวดกับคุณแค่ไหน แต่ถ้าคุณมีหลายบัญชี สถานการณ์ก็จะไม่เลวร้ายนัก อย่างไรก็ตามหากคุณไม่ได้ใช้ฟังก์ชันจัดการธุรกิจและไม่มีบัญชีสำรองเก็บไว้ การถูกแบนนั้นคงจะเป็นอะไรที่แย่เอามาก ๆ แน่นอน

เคล็ดลับ: เวลาคุณกรอกรายละเอียดและข้อมูลบัตรเครดิตของคุณลงในบัญชีโฆษณา ให้คุณใส่ลงไปเพียงหนึ่งบัญชีเท่านั้น!

เพราะหาก Facebook แบนบัญชีที่คุณใช้อยู่ Facebook จะแบนบัญชีอื่นของคุณที่มีข้อมูลบัตรเครดิตเดียวกันของคุณด้วย ดังนั้นคุณไม่ต้องทำอะไรกับบัญชีสำรองที่เหลือ ให้คุณเก็บสำรองเอาไว้เฉย ๆ เผื่อฉุกเฉิน

 

3. สร้างเพจ Facebook

ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างเพจ Facebook และเชื่อมโยงไปยังตัวจัดการธุรกิจของคุณ หากคุณมีเพจอยู่แล้ว คุณสามารถร้องขอการเข้าถึงหรืออ้างสิทธิ์ได้เลย

คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีข้อมูลบนเพจ Facebook ของคุณที่แสดงให้เห็นว่าหน้าเว็บของคุณนั้นถูกต้อง มีอยู่จริง และมีข้อมูลอัปเดตล่าสุด ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องมี:

  • รูปโปรไฟล์
  • รูปภาพ Cover
  • ใส่คำอธิบายในช่อง ”เกี่ยวกับ”
  • มี 5-10 โพสต์บนฟีดข่าวของคุณ

หลายคนคงส่งสัยว่าทำไมต้องทำตามลิสต์ด้านบน?

เพราะคุณไม่สามารถเรียกใช้โฆษณา Facebook เมื่อหน้าเพจของคุณดูว่างเปล่าได้ อัลกอริทึมของ Facebook จะจับได้ถึงความผิดปกติของบัญชีของคุณ ซึ่งผลที่ตามมาคือ Facebook อาจแบนโฆษณาของคุณ

คุณต้องตั้งค่าหน้าเพจของคุณให้เหมือนมีคนทำธุรกิจจริง ๆ ไม่ใช่ปล่อยไว้ว่าง ๆ เหมือนเมืองร้าง

อีกเหตุผลที่คุณควรปรับเปลี่ยนหน้าเพจ Facebook ของคุณคือ เมื่อมีคนเห็นโฆษณาของคุณ พวกเขามักจะเข้ามาเยี่ยมชมเพจของคุณเพื่อตรวจสอบ มีหลายครั้งที่พวกเขาทำเช่นนี้กระทั่งก่อนที่จะคลิกโฆษณาของคุณเพื่อดูว่าคุณมีตัวตนจริงหรือไม่

ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาเข้ามาที่หน้าเพจ Facebook ของคุณและว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยเหมือนเมืองผีสิง คุณคงเดาออกว่าคงไม่มีใครคลิกโฆษณาของคุณหากเป็นเช่นนั้น จริงไหม?

 

4. ตั้งค่าเว็บไซต์ของคุณให้สอดคล้องกับกฎของ Facebook

ขั้นตอนนี้มีความสำคัญเนื่องจาก Facebook ไม่ได้ตรวจสอบเพียงแค่การตั้งค่าบัญชีโฆษณา หน้าเพจ Facebook และโฆษณาเท่านั้น แต่ยังตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณด้วย

หากอัลกอริทึมของ Facebook ระบุว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่น่าสงสัย มันจะหยุดป้อนผู้เข้าชมให้กับโฆษณาของคุณ และมีโอกาสสูงที่บัญชีของคุณจะถูกตรวจสอบด้วยคน คุณต้องการแบบนั้นหรือเปล่า?

เชื่อว่าไม่มีใครต้องการแบบนั้น การตรวจสอบด้วยคนคือเมื่อพนักงาน Facebook เข้ามาตรวจสอบบัญชีโฆษณาของคุณด้วยตนเอง บอกไว้ก่อนว่าบ่อยครั้งที่พวกเขาเหล่านี้ตรวจแบบละเอียดยิบมาก ๆ และพวกเขาจะหาสิ่งผิดปกติบางสิ่งให้พบและจะปิดบัญชีของคุณ

นี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเลี่ยงปัญหานี้:

  • มีเว็บไซต์ที่มีชื่อโดเมนของคุณเอง และอย่าใช้โดเมนฟรี
  • สร้างหลาย ๆ หน้าบนเว็บไซต์ของคุณและมีลิงก์นำทางไปหน้าต่าง ๆ
  • มีหน้า “ติดต่อเรา”
  • สร้างคอนเทนต์ – คุณควรมีการโพสต์บทความอย่างน้อย 3 โพสต์บนเว็บไซต์ของคุณและแต่ละบทความจะต้องมีอย่างน้อย 500 คำ แนะนำว่าควรมีอย่างน้อย 1,000 คำ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับอุปกรณ์มือถือเช่นกัน

 

ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและกฎหมาย (Privacy and Legal)

เรื่องของความเป็นส่วนตัวถือเป็นประเด็นใหญ่ของ Facebook ตามที่ Facebook ได้มีการอัปเดตข่าวในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 รัฐบาลร้องขอข้อมูลผู้ใช้เพิ่มขึ้นอีก 16% จากปริมาณคำขอทั้งหมด สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่ส่งคำขอเป็นจำนวนมากที่สุด ตามมาด้วยประเทศอินเดียและสหราชอาณาจักร

นั่นหมายความว่าคุณต้อง:

  • มี “นโยบายความเป็นส่วนตัว” หรือ “Privacy Policy”
  • มี “ข้อกำหนดและเงื่อนไข” หรือ “Terms and Conditions”
  • มี “ข้อจำกัดความรับผิดชอบต่อรายรับ” หรือ “Earning Disclaimer” หากมีการใช้งาน
  • มี “ข้อจำกัดความรับผิดชอบของ Cookie” หรือ “Cookie Disclaimer” หากมีการใช้งาน
  • และรวมถึงข้อจำกัดความรับผิดชอบของพันธมิตร Facebook 

คุณต้องมีประโยคเหล่านี้ในส่วนท้ายของเว็บไซต์ของคุณ

“เว็บไซต์นี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Facebook หรือ Facebook Inc. นอกจากนี้ไซต์นี้ไม่ได้รับการรับรองจาก Facebook แต่อย่างใด Facebook เป็นเครื่องหมายการค้าของ Facebook Inc”

หรือ

“This website is not a part of Facebook or Facebook Inc. Additionally, this site is not endorsed by Facebook in any way. Facebook is a trademark of Facebook Inc.”

แนะนำให้ใส่คำแถลงนี้ไว้ในส่วนท้ายของเว็บไซต์ทุกหน้าทั้งหมดของคุณ อย่างน้อยที่สุดคุณต้องมีข้อความข้างต้นนี้ในหน้า Landing Page ที่คุณใช้โฆษณาบน Facebook

 

บทสรุป

แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างบัญชีโฆษณา Facebook ของคุณให้อยู่รอดและประสบความสำเร็จ และรักษาบัญชีโฆษณา Facebook ของคุณไม่ให้ถูกแบน ขั้นตอนเหล่านี้คือสิ่งที่คุณต้องทำก่อนที่จะสร้างโฆษณาและเริ่มต้นใช้งาน

ทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดเงิน คุณคงไม่ต้องการโดนแบนหลังจากเริ่มยิงโฆษณาเนื่องจากไม่ได้ทำตามกฎของ Facebook ใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้น มันจะเป็นการเสียเวลาและความพยายามของคุณไปอย่างเปล่าประโยชน์ และยังเสียเงินค่าโฆษณาอีกด้วย

คุณอยากร่วมงานกับ Copywriter มืออาชีพที่รู้กฎและข้อบังคับของ Facebook อย่างทะลุปรุโปร่งไหม? ติดต่อเราวันนี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการของคุณกับ Social Media Copywriter