7 วีธีเพิ่ม Conversion Rate ให้ Landing Page ของคุณ

อัตรา Conversion ของหน้า Landing Page หรือพูดง่าย ๆ ว่าอัตราปิดการขายของหน้าเพจที่ผู้สนใจกดเข้ามาดู คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บอกถึงการตลาดของคุณว่า กำลังไปได้สวยหรือถอยลงคลอง คุณอาจนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อสร้างแบรนด์ของคุณให้มีความน่าเชื่อถือ และเพิ่มอัตราผู้เข้าชมบนเว็บไซต์ของคุณ

แต่ความพยายามของคุณจะมีค่าอะไรหากหน้า Landing Page ของคุณนั้นไม่ช่วยสร้างยอดขายเลย ถึงแม้ว่าหน้า Landing Page ของคุณจะทำหน้าที่เป็นจุดยืนที่ดีต่อแบรนด์ของคุณแบบออนไลน์ แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่คุณต้องคิดจริง ๆ คือคุณจะทำอย่างไรให้หน้า Landing Page ของคุณเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้าได้ แล้วคุณจะต้องเก็บข้อมูลอีกว่าหน้า Landing Page ของคุณสามารถ Convert ได้หรือไม่ และตัวเลขนั้นอยู่ที่เท่าไร

 

เจ้าของกิจการส่วนใหญ่ใช้ความพยายามอย่างหนักในการหาลูกค้ามาจากหลาย ๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม ใช้อีเมล แต่ลืมไปว่าวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างยอดขายนั้น อาจมาจากเว็บไซต์ของพวกเขาเอง หรือพูดง่าย ๆ คือหน้า Landing Page สามารถสร้างยอดขายมากมายได้โดยไม่มีวิธีไหนเทียบติด ถ้าเขียนอย่างถูกวิธีจาก Copywriter มืออาชีพ

 

บทความนี้จะลงลึกถึงอัตรา Conversion ของหน้า Landing Page อย่างละเอียด รวมถึงวิธีการที่คุณจะสามารถเอาไปพัฒนาหน้า Landing Page ของคุณ และการใส่ใจในรายละเอียดสามารถส่งผลให้เกิดมูลค่ามหาศาลกับกิจการของคุณอย่างไร

 

ทำไม Conversion ของหน้า Landing Page ถึงสำคัญ

หากคุณทุ่มเวลาไปกับการปรับปรุง Conversion ของหน้า Landing Page แล้วล่ะก็ คุณจะสังเกตเห็นได้ทันทีว่า มีผู้คนเข้ามาสอบถามเพื่อขอคำปรึกษา จอง หรือซื้อเพิ่มขึ้น หน้า Landing Page เหล่านี้มักทำหน้าที่ให้ผู้เข้าชมสนใจในข้อเสนอที่คุณยื่น และเมื่อมีการคลิกปุ่ม CTA (Call-To-Action) นั่นหมายความว่าผู้ชมมีความต้องการที่จะซื้อ

 

แม้ว่ากลุ่มผู้ชมนี้จะไม่ซื้อในทันที แต่อย่างน้อยคุณก็รู้ว่าพวกเขาสนใจในสินค้าและบริการของคุณ และนั่นหมายความว่า คุณสามารถกำหนดเป้าหมายสำหรับ Lead กลุ่มใหม่นี้ และติดตามกลุ่มนี้ต่อไปได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหน้า Landing Page ส่วนมากใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่สำคัญต่อธุรกิจคุณมาก ๆ นั่นก็คืออีเมล คุณลองคิดดูว่าเมื่อผู้เข้าชมสนใจในสินค้าหรือบริการนั้น พวกเขามักจะมองหาวิธีเรียนรู้เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ และหน้า Landing Page เหล่านี้ จะมีช่องให้ใส่ข้อมูลอีเมลเพื่อส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปให้ เห็นภาพไหม? หลังจากที่คุณได้อีเมลแล้ว คุณก็สามารถสร้างแคมเปญอีเมลสำหรับ Lead กลุ่มต่าง ๆ ของคุณได้ 

 

นอกจากนี้หากคุณใช้โปรแกรมวิเคราะห์กับข้อมูลของ Lead กลุ่มต่าง ๆ คุณจะสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้อีก อาทิเช่น คุณสามารถดูได้ว่าผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมาจากที่ไหนบ้าง เพศอะไร อายุช่วงไหน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณดียิ่งขึ้น ในเมื่อคุณรู้จักผู้ชมของคุณแล้ว คุณก็สามารถสร้างเนื้อหาที่ดีขึ้น และเหมาะกับผู้เยี่ยมชมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

 

จะเพิ่ม Conversion ของหน้า Landing Page ได้อย่างไร

1. รู้ว่ากำลังพูดกับใคร

เมื่อพูดถึงหน้า Landing Page คุณจะต้องรู้จักผู้ชมของคุณและภาษาที่พวกเขาสื่อสารก่อน เพื่อให้หน้า Landing Page มีประสิทธิภาพสูงสุด ภาษาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงภาษาพูด แต่เป็นภาษาที่คุณสามารถสื่อสารลึกเข้าไปในตัวผู้ชมของคุณได้ เช่น จะกระตุ้นพวกเขาอย่างไร? อะไรที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้น? อะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ? อะไรคือสิ่งที่กระตุ้นต่อมอยากซื้อของพวกเขาได้? เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ คุณจะต้องเจาะลึกข้อมูลผ่านการวิเคราะห์ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของคุณนั่นเอง

 

2. ดึงความสนใจตั้งแต่ประโยคแรก

นี่เป็นสิ่งแรก ๆ ที่ Copywriter ต้องเรียนรู้ ประโยคนำถือเป็นกุญแจสำคัญเพื่อดึงความสนใจผู้อ่านไว้ทันที อ่านแล้วต้องหยุดชะงักทันที และสร้างความต้องการให้อ่านต่อจนหยุดอ่านไม่ได้ จริง ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ แบรนด์มีข้อเสนอน่าสนใจอยู่มากมาย แต่ด้วยหน้า Landing Page ที่ไม่ดึงดูด ผู้เข้าชมเว็บไซต์เลยคลิกปิดไปก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นข้อเสนอเหล่านั้นเสียอีก

 

3. กำจัดสิ่งรบกวน

เชื่อว่าไม่มีใครชอบหน้า Landing Page ที่ดูรกหูรกตา นอกจากที่มันจะสร้างสิ่งรบกวนสายตาของผู้เข้าชมเว็บไซต์แล้ว มันยังมีแนวโน้มที่ผู้ชมของคุณจะปิดหน้าเพจทิ้งมากกว่าอ่านต่อ สิ่งสำคัญสำหรับหน้า Landing Page คือ ความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ชัดเจน ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้สับสน เข้าใจยาก และสิ่งรบกวนที่ทำให้เสียสมาธิง่าย

 

4. ทำ A/B Testing

การทดสอบแบบนี้ถือว่าขาดไม่ได้เลย มันคือการสร้างหน้า Landing Page ขึ้นมาเพื่อทดสอบและเปรียบเทียบกันว่าหน้าไหนสร้างผลลัพธ์ได้มากกว่า คุณสามารถเห็นประสิทธิภาพงานเขียนของหน้า Landing Page ได้อย่างชัดเจน เช่น เทียบอัตราการคลิกปุ่ม CTA ระหว่างสีแดงกับสีเขียว หากไม่ได้ทำการทดสอบ คุณก็จะไม่รู้ว่าอันไหนให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

 

5. Testimonial และ Review

ผู้คนมักต้องการรู้ว่าสิ่งที่ได้จากการลงทุนคืออะไร ความน่าเชื่อถือก็เช่นกัน คุณจะต้องใช้ Testimonial และ Review เพื่อโชว์ให้เห็นว่าคุณมีตัวตนจริง สินค้าและบริการดีอย่างไร แก้ปัญหาได้อย่างไร

 

6. ออกแบบองค์ประกอบ

การออกแบบ Landing Page ที่ดีไม่ได้ดูเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ควรจะโฟกัสไปที่ตัว Copy หรืองานเขียน และแต่งเติมส่วนที่ขาดหายไปด้วย ซึ่งถือว่าค่อนข้างยากในการทำ แต่หน้า Landing Page ที่ดีนั้นมีองค์ประกอบนี้อยู่แน่นอน

 

7. ตามมาด้วยคำว่า “ขอบคุณ…”

ความอ่อนน้อมต่อลูกค้าจะทำให้คุณเป็นที่จดจำ หากต้องการซื้ออีกครั้งในอนาคต ลูกค้าจะนึกถึงคุณเป็นคนแรก ๆ

 

บทสรุป

ถึงแม้ว่าแบรนด์ของคุณจะมีช่องทางปิดการขายจากหลายทาง แต่อย่าลืมว่ามีอยู่หนึ่งช่องทางเท่านั้นที่คุณสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่คือหน้า Landing Page คล้ายกับที่คุณทุ่มเททำการตลาดบนช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook คุณก็ควรทำเช่นเดียวกันกับหน้า Landing Page ของคุณ เพื่อให้ “เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ 24 ชั่วโมงของคุณ” มีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ลองนึกภาพว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์ถูกดึงดูดเข้ามาเป็นจำนวนมาก ในขณะที่แบรนด์ของคุณยังคงเติบโตเรื่อย ๆ แต่ในทางกลับกันคุณไม่สามารถโกยรายได้จากการเติบโตนั้นได้เลย มันคงเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้ายิ่งนัก จริงไหม? ดังนั้นอย่าลืมความสำคัญของอัตรา Conversion หน้า Landing Page เพราะคุณอาจกำลังทิ้งเงินก้อนโตไว้โดยที่ไม่รู้ตัว อย่าให้มันเกิดขึ้นเลย นัดเวลาเพื่อปรึกษากับ Copywriter ฝีมือดีของเราวันนี้ เพื่อ Landing Page ของคุณที่เขียนขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ให้กลายเป็นยอดขายจริง ๆ